Home > คอลัมน์ท่านเอกอัครราชทูต > กิจกรรมท่านเอกอัครราชทูต
เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียงให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Nation
2022-12-03 18:02

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์โดยชิบ จิตนิยม ผู้ประกาศข่าวชื่อดังทางเนชั่นทีวี ในรายการ “จับจ้องมองจีน” เนื้อหาของการสัมภาษณ์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม มีเนื้อหาดังนี้

คุณชิบ: ขอขอบคุณเอกอัครราชทูตที่ตอบรับคำให้สัมภาษณ์กับเนชั่นทีวี ภายหลังการประชุมเอเปค การเดินทางเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปคได้รับความสนใจจากทั่วโลก ประธานาธิบดีสีเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ผู้ใจดีคนหนึ่ง นำข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญมากมายมาให้ ท่านประเมินบทบาทและความสำเร็จในการเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสี    จิ้นผิงอย่างไร?

เอกอัครราชทูต: ช่วงระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงได้เดินทางเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 และเป็นการเยือนประเทศไทยครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะประมุขแห่งรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและการสนับสนุนของประเทศจีนที่มีต่อความร่วมมือเอเปค และความสัมพันธ์จีน-ไทย และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการชี้นำความร่วมมือเอเชียแปซิฟิกและส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย

ภายในช่วงเวลาอันสั้นเพียง 2 วัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เข้าร่วมการประชุมอย่างต่อเนื่องถึง 15 การประชุม ท่านได้อธิบายถึงระบบการปกครองของจีน ตอบคำถามจากทุกฝ่าย นำเสนอความคิดริเริ่มที่สำคัญ ประกาศแนวทางปฏิบัติ ซึ่งมีเนื้อหาที่สมบูรณ์ มีผลดีมากมาย ส่งผลกว้างไกล เป็นการชี้ทิศทางและสร้างแรงผลักดันที่แข็งแกร่งให้กับการพัฒนาความร่วมมือเอเชียแปซิฟิก และความสัมพันธ์จีน-ไทยในระยะยาว

หลังผ่านการประชุมเหล่าผู้นำระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ ประชาชนชาวไทยได้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงทัศนคติต่อโลก ภูมิปัญญาอันเฉียบแหลม และบุคลิกอันสง่างามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะผู้นำของพรรคและประเทศที่มีขนาดใหญ่ ประชาคมระหว่างประเทศมีกระแสการตอบรับต่อท่านสี จิ้นผิงเป็นอย่างดี สิ่งสำคัญที่น่าสังเกตเป็นพิเศษคือ การมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากประชาชน รัฐบาลและผู้นำของไทย สังคมทุกระดับของไทยต่างมีความคาดหวังและรู้สึกดีใจต่อการมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทุกสถานที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่นเป็นกันเอง แสดงถึงความเป็นมิตรที่แท้จริงดั่งคำกล่าว “จีน-ไทยครอบครัวเดียวกัน”

คุณชิบ: “จีน-ไทยครอบครัวเดียวกัน” เป็นที่เข้าใจร่วมกันของทั้งสองประเทศมาช้านาน ในระหว่างการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยังเน้นย้ำว่า “จีน-ไทยครอบครัวเดียวกัน” และเราควรทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน การแสดงออกเช่นนี้มีความสำคัญลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ท่านคิดว่าเหตุใดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จึงเน้นย้ำมากขนาดนี้?

เอกอัครราชทูต: จีนและไทยมีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดและมีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม มีประวัติความสัมพันธ์ยาวนานนับพันปี ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ไทย ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพในประเทศไทยต่างตั้งตารอการมาเยือนของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ และพบปะหารืออย่างเป็นมิตรและเป็นกันเองกับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามลำดับ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันประกาศจัดตั้งประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเสริมเติมเนื้อหาใหม่ของความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “จีน-ไทยครอบครัวเดียวกัน” และตกลงที่จะส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาการเชื่อมโยงจีน-ลาว-ไทย เร่งการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และสร้างเส้นทางรถไฟที่เชื่อมคาบสมุทรอินโดจีนในอนาคต สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพัฒนาที่ประสานกันภายในภูมิภาคด้วย ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงลึกเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในด้านต่าง ๆ การขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรม การเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานในกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาค และบรรลุฉันทามติในวงกว้าง ทั้งสองฝ่ายยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมและลงนามในเอกสารแผนปฏิบัติการความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์และเอกสารความร่วมมืออื่น ๆ หลายฉบับ

ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ของการเยือนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และได้สร้างหมุดหมายใหม่สำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย

คุณชิบ: ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นย้ำในที่ประชุมถึงเรื่องการเปิดกว้าง ความร่วมมือ ความยุติธรรม ความเป็นธรรม และศตวรรษที่ 21 ถือเป็นศตวรรษแห่งเอเชียแปซิฟิก ท่านคิดว่าเหตุใดฝ่ายจีนจึงมีแนวคิดนี้ครับ?

เอกอัครราชทูต: เอเปคเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การประชุมผู้นำเอเปคในปีนี้เป็นการประชุมแบบออฟไลน์ครั้งแรกของผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจต่าง ๆ ในรอบ 3 ปี ซึ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษและเป็นที่คาดหวังและสนใจของทุกฝ่าย ภายใต้หัวข้อ “การเปิดกว้าง ความเชื่อมโยง และความสมดุล” ทุกฝ่ายได้มุ่งเน้นไปที่เอเชียแปซิฟิก มุ่งเน้นที่การพัฒนาและการสร้างเขตการค้าเสรีของเอเชียแปซิฟิก สะท้อนถึงความปรารถนาร่วมกันที่จะเอาชนะความยากลำบากและการสร้างความรุ่งโรจน์อย่างต่อเนื่อง มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค

ในโลกปัจจุบัน การพัฒนาอย่างสันติยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการ แต่ความปรารถนาดีของผู้คนกำลังเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน วิธีเอาชนะความท้าทายและรักษาโมเมนตัมของการพัฒนาอย่างสันติเป็นคำถามของเวลาและคำถามของโลก ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเสาหลักของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาช้านาน แม้จะมีความวุ่นวายในหลายส่วนของโลก แต่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงรักษาการพัฒนาที่มั่นคงและเป็นที่รู้จักในฐานะโอเอซิสแห่งการพัฒนาอย่างสันติในโลก ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เอเชียแปซิฟิกยังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายมากมาย และมีปัจจัยก่อกวนอีกมาก

ในที่ประชุมเอเปคครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้สรุปประสบการณ์ความสำเร็จของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกได้อย่างเฉียบคมว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ได้เป็นสนามหลังบ้านของใคร และไม่ควรเป็นเวทีแข่งขันของมหาอำนาจ ความพยายามใด ๆ ในการสร้าง “สงครามเย็นครั้งใหม่” จะไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชน และการอนุญาตจากยุคสมัย ท่านได้เรียกร้องให้เดินบนเส้นทางของการพัฒนาอย่างสันติ เปิดเสรีอย่างเข้าใจ และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สร้างความสัมพันธ์เอเชียแปซิฟิกที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจ เข้าใจ มีความร่วมมือ มีผลประโยชน์ร่วมกัน สร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิกที่มีความมั่นคง สงบ มีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน สะอาดสวยงาม และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังได้กล่าวถึงแนวคิด 6 ประการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายใต้สถานการณ์ใหม่ว่า สร้างรากฐานการพัฒนาอย่างสันติให้มั่นคง ยึดมั่นแนวคิดเพื่อประชาชน ขยายระดับการเปิดเสรีให้สูงขึ้น ยกระดับการเชื่อมต่อให้สูงขึ้น สร้างความเสถียรและราบรื่นให้กับอุปทานทางอุตสาหกรรม และส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้วิเคราะห์ความท้าทายที่สำคัญของมวลมนุษย์จากมุมมองในภาพใหญ่ ท่านสนับสนุนพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง ยึดมั่นในการเปิดเสรีของภูมิภาคนิยม จุดประกาย “ช่วงเวลาแห่งเอเชีย” สู่ธรรมาภิบาลระดับสากล อันเป็นการให้คำตอบ นำเสนอภูมิปัญญาของจีนต่อปัญหาในยุคสมัยปัจจุบัน

คุณชิบ: จากการประชุมเอเปคครั้งนี้ ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม ๒ ฉบับ  ได้แก่ ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG   ในเอกสารสองฉบับนี้ล้วนแต่พูดถึงผลกระทบของโควิด ขอเรียนถามท่านว่าผลกระทบของโควิดมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีนอย่างไร

เอกอัครราชทูต: ท่านได้กล่าวถึงผลสำเร็จของการประชุมเอเปคในครั้งนี้ ผมขอกล่าวเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ด้วยความร่วมมือจากผู้เข้าร่วมการประชุมทุกฝ่าย ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม 2 ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมของผู้นำเอเปค และ “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว  BCG” (Bangkok Goals on Bio-Circular-Green (BCG) Economy) ซึ่งมีเป้าหมายสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิกร่วมกันภายในปี 2040 มีการเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมใจกันเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนให้เอเชียแปซิฟิกได้บรรลุความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว มีความแข็งแกร่ง มีพลวัตพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ และสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สลับซับซ้อน และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถดถอยของโลกในปัจจุบัน การเกิดความร่วมมือเช่นนี้ถือว่าสำคัญและมีค่ามาก พวกเราขอแสดงความชื่นชมต่อการประสานงานที่ยอดเยี่ยมของฝ่ายไทยในฐานะเป็นประเทศผู้จัดประชุม ประเทศจีนได้กล่าวย้ำในที่ประชุมถึงยุคของการร่วมมือ สามัคคี และได้นำเสนอความคิดริเริ่มที่มีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ต่อความร่วมมือของเอเชียแปซิฟิก บทสรุปจากการประชุมได้รวมข้อเสนอของจีนทั้งด้านนโยบาย แนวคิดการพัฒนาใหม่ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนที่สำคัญของจีนต่อความสำเร็จของการประชุมเอเปคในครั้งนี้

ท่านถามความคิดเห็นที่มีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในปัจจุบัน ตั้งแต่ต้นปี 2020 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ต่อสังคมมนุษย์ คุกคามชีวิตและสุขภาพของผู้คน และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยความพยายามร่วมกันของทุกประเทศในโลกทำให้วิธีการของมนุษย์ในการเอาชนะโรคระบาดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไวรัสเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน สายพันธุ์โอไมครอนในปัจจุบันแตกต่างจากไวรัสดั้งเดิมและสายพันธุ์เดลต้าอย่างมาก แม้แพร่เชื้อไวกว่าแต่ความรุนแรงน้อยกว่า ผมเชื่อว่าวันที่มนุษย์เราสามารถเอาชนะผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิดและเอาชนะไวรัสโควิดได้นั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว

ในขณะเดียวกัน เราไม่สามารถมองข้ามการแพร่ระบาดของโรคได้ เพราะไวรัสยังคงเป็นอันตรายต่อกลุ่มเปราะบางที่มีโรคประจำตัวและไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ ด้วยเหตุนี้เองที่นโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของจีนให้ความสำคัญกับชีวิตและความปลอดภัยของผู้คนเป็นอันดับแรก เน้นการป้องกันการแพร่ระบาดตามหลักวิทยาศาสตร์ การดำเนินนโยบายที่แม่นยำ ควบคุมโควิดเป็นศูนย์แบบไดนามิก การวางแผนบูรณาการของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดและการพัฒนาเศรษฐกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของมาตรการป้องกันและควบคุม และบรรลุผลตามนโยบายที่เหมาะสมที่สุด

แนวทางปฏิบัติในการป้องกันการแพร่ระบาดแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ สิ่งสำคัญคือ ต้องใช้มาตรการทางวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติจริง และมีประสิทธิภาพตามสภาพความเป็นจริงของประเทศนั้น ๆ ประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน และภารกิจอันยากลำบากในการป้องกันโรคระบาดนั้นอยู่เหนือจินตนาการของประเทศอื่น ๆ ภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของคณะกรรมการกลางพรรคที่มีท่านสี จิ้นผิงเป็นแกนหลักและรัฐบาลจีน เราประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในการสร้างความสมดุลระหว่างการป้องกันและควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม จนถึงขณะนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่ได้รับการยืนยันในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 300,000 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่า 5,000 ราย เป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดในโลก ในปี 2020 เมื่อโรคระบาดรุนแรงที่สุด จีนยังคงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 2.3% แม้ว่าอัตราการเติบโตจะไม่มากแต่เป็นประเทศเดียวที่มีการเติบโตในเชิงบวกในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลกในปีนั้น ในปี 2021 จะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 8.1% การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดและความยากลำบากของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตอย่างทันท่วงทีและเศรษฐกิจจีนยังคงรักษาแนวโน้มที่มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

คุณชิบ: โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชมความสำเร็จของจีนเช่นกัน จีนให้ความช่วยเหลือเสมอเมื่อไทยประสบปัญหา รวมทั้งการตอบสนองต่อความท้าทายของโรคระบาด สิ่งนี้ยังสะท้อนถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ เนชั่นทีวี หวังที่จะผลิตรายการเกี่ยวกับความสำเร็จของจีนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด เพื่ออธิบายความสำเร็จของจีนในเชิงลึก

เอกอัครราชทูต: จีนและไทยช่วยเหลือกันในยามยากลำบากเสมอมา และการร่วมกันรับมือกับความท้าทายของโรคระบาดได้แสดงให้เห็นอีกครั้งถึงมิตรภาพระหว่างสองประเทศที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ผมมักจะพูดอยู่เสมอว่าโรคระบาดเป็นหายนะ แต่ด้วยความร่วมมือต่อต้านการแพร่ระบาด ผู้คนของทั้งสองประเทศได้เห็นอีกครั้งว่าการร่วมทุกข์ร่วมสุขมีความหมายว่าอย่างไร ด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการแพร่ระบาด มิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองได้ยกระดับสูงขึ้นอีก และแรงผลักดันสำหรับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศก็แข็งแกร่งขึ้น

ในการเผชิญกับภัยพิบัติด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่และฉับพลันนี้ เบื้องหลังความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐบาลและประชาชน คือข้อดีของระบบของจีนและจิตวิญญาณของชาวจีนที่ไม่กลัวความยากลำบากและพร้อมใจกันต่อสู้  ประสบการณ์เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อทุกประเทศในโลกและสามารถแบ่งปันได้ หากเนชั่นทีวีตั้งใจที่จะถ่ายทำรายการเกี่ยวกับการต่อสู้กับโรคระบาดของจีน สถานทูตจีนจะสนับสนุนอย่างเต็มที่

คุณชิบ: ผมสังเกตเห็นว่าในการสัมภาษณ์ครั้งก่อน ๆ ท่านเคยกล่าวไว้เสมอว่าท่านให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์จีน-อาเซียนและเน้นการ “สร้างบ้านห้าหลัง”  ท่านสามารถขยายความหมายของการ  “สร้างบ้านห้าหลัง” ได้ไหมครับ?

เอกอัครราชทูต: ในการประชุมสุดยอดรำลึก 30 ปีความสัมพันธ์คู่เจรจาระหว่างจีน-อาเซียนเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอแนวคิดริเริ่ม “สร้างบ้านห้าหลัง” เพื่อร่วมกันสร้างบ้านที่สันติ บ้านที่สงบสุข บ้านที่มั่งคั่ง บ้านที่สวยงาม และบ้านที่เป็นมิตร นี่เป็นเป้าหมายที่สวยงามที่นำเสนอโดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อาเซียนในอนาคต และสะท้อนถึงแรงบันดาลใจของประชาชนจีนและประเทศในอาเซียน รัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการพัฒนา แบ่งปันความมั่งคั่ง และสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันกับประชาชนในประเทศอาเซียน โดยมุ่งเน้นไปที่การ “สร้างบ้านห้าหลัง”

คุณชิบ: มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิเคราะห์ว่า ภายใต้สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน หลายๆ ฝ่ายให้ความสำคัญกับอาเซียนมาก ท่านคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อาเซียนได้รับความสนใจจากนานาชาติ?

เอกอัครราชทูต: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นโอเอซิสแห่งสันติภาพและการพัฒนาในโลก ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา อาศัยความพยายามอย่างขยันขันแข็งของประเทศต่าง ๆ และผู้คนในภูมิภาค เราประสบความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ภูมิภาคอาเซียนอยู่ใกล้กับจีนและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการแลกเปลี่ยนฉันมิตรมายาวนาน ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นประโยชน์ร่วมกันที่มาจากตามความต้องการอันมหาศาลของกันและกัน ในแนวคิดจีนนั้นเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย “ดอกไม้บานหนึ่งช่อหาใช่เป็นฤดูใบไม้ผลิไม่ ร้อยบุปผาบานสะพรั่งสวนเต็มเปี่ยมไปด้วยฤดูใบไม้ผลิ” จีนต้องพัฒนาตัวเองให้ดี และเพื่อนบ้านก็ต้องพัฒนาให้ดีด้วย เพื่อเราจะได้มีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง นี่เป็นข้อคิดหลักในการให้ความสำคัญกับภูมิภาคของจีน

อาเซียนมีบทบาทในฐานะองค์กรระดับภูมิภาคเป็นอย่างดี มีเป้าหมายชัดเจนคือการสร้างประชาคมอาเซียนและมีความก้าวหน้าที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง จีนยินดีที่ได้เห็นผลสำเร็จ อาเซียนไม่เพียงแต่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาของประเทศสมาชิกเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลกอีกด้วย เป็นเวลานานแล้ว ในฐานะองค์กรระดับภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศกำลังพัฒนา อาเซียนได้ปฏิบัติตามวิธีการเฉพาะของตนเอง เคารพกิจการภายในของทุกประเทศ และเคารพหลักการฉันทามติผ่านการปรึกษาหารือ นี่คือข้อดีของอาเซียนและความมีชีวิตชีวาที่แข็งแกร่ง และจีนขอชื่นชมด้วย เราคาดหวังว่าอาเซียนจะยังคงมีบทบาทที่สร้างสรรค์ต่อการพัฒนาอย่างสันติของภูมิภาคและโลกตามเป้าหมายและแนวทางของอาเซียน

คุณชิบ: ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนสอดคล้องกับแนวคิดของเอเปคที่เปิดกว้าง การเชื่อมโยงกัน และความสมดุล จีนช่วยประเทศในอาเซียนอย่างจริงจังในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยลาวและอินโดนีเซียสร้างทางรถไฟความเร็วสูง และยังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในโครงการของฟิลิปปินส์ ประชาคมโลกให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับบทบาทของจีน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ไปทั่วโลก ท่านคิดว่าโลกควรมองความพยายามของจีนอย่างไร ในส่งเสริมการสร้างความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ในระดับที่ใหญ่ขึ้นทั่วโลก?

เอกอัครราชทูต: คนจีนได้สั่งสมประสบการณ์สำคัญในการพัฒนาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา นั่นคือ “ถ้าอยากรวย ต้องสร้างถนนก่อน” การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำหรับประเทศและสังคมในการพัฒนาและสร้างความมั่งคั่ง การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำหรับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศเพื่อบรรลุความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ในกระบวนการทางประวัติศาสตร์ระยะยาว เราได้เห็นช่องว่างการพัฒนาขนาดใหญ่ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา สิ่งสำคัญที่สุดคือความล้าหลังของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาพัฒนา แต่พวกเขาไม่ได้ลงทุนทรัพยากรในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกำลังพัฒนาต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุด

ความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีที่มาจากประเทศจีน แต่การบรรลุแนวคิดนี้ขึ้นอยู่กับการปรึกษาหารือร่วมกัน การพัฒนาร่วมกัน และการแบ่งปันร่วมกัน ผลลัพธ์ของ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” เป็นของโลก ด้วยเหตุนี้ เมื่อความคิดริเริ่มนี้ได้รับการเสนอแนะก็ได้รับการตอบรับเชิงบวกอย่างรวดเร็วจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว จนถึงขณะนี้ มีประเทศและองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมแล้วกว่า 170 แห่ง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก และภูมิภาคอื่น ๆ ความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้เบ่งบานและเกิดผล ข้อเท็จจริงสำคัญกว่าคำพูด สิ่งดึงดูดใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความคิดริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” คือโครงการและผลประโยชน์ที่แท้จริงของมัน ผลประโยชน์ที่แท้จริงที่จะนำมาสู่ผู้คน ผลลัพธ์นี้จะเผยแพร่เสน่ห์ของมันไปทั่วโลก

ในปีหน้า จีนจะจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งที่ 3 ผมเชื่อว่านี่จะเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกงานหนึ่งและแน่นอนว่าจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างมั่นคงและระยะยาวของประเทศที่เกี่ยวข้องกับ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ภายใต้สถานการณ์ใหม่

คุณชิบ: สิ่งที่ท่านเอกอัครราชทูตกล่าวนั้นลึกซึ้งและจับใจมาก ดังที่ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า “จีนไทยครอบครัวเดียวกัน” และผมเชื่อว่าผู้คนในประเทศไทยและแม้แต่ผู้คนทั่วโลกสามารถรับรู้ความจริงใจของจีนได้โดยผ่าน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”  ขอบพระคุณมากที่ท่านให้เกียรติให้สัมภาษณ์ในวันนี้ครับ

เอกอัครราชทูต: ขอบคุณเช่นกันสำหรับการสัมภาษณ์ นี่ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ แต่ยังเป็นการแลกเปลี่ยนเชิงลึกระหว่างเราสองคนด้วย ในฐานะนักการทูตจีน เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำประเทศจีนให้กับเพื่อนมิตรจากวงการสื่อมวลชน เพื่อให้คนไทยและคนทั่วโลกได้เข้าใจถึงประเทศจีนอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรมผ่านสื่อ

Suggest To A Friend:   
Print