เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 ตามเวลาท้องถิ่น นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมความมั่นคง ณ เมืองมิวนิก กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุม “เซสชั่นประเทศจีน” และตอบคำถามสดที่เกี่ยวกับปัญหาไต้หวัน

นายหวัง อี้กล่าวว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2486 รัฐบาลจีน สหรัฐอเมริกา และอังกฤษร่วมกันออกปฏิญญาไคโร ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าไต้หวันซึ่งญี่ปุ่นฉวยโอกาสขโมยไปจะถูกส่งกลับไปยังจีน มาตรา 8 ของปฏิญญาพอทสดัม พ.ศ. 2488 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่สอง กำหนดว่า "บทบัญญัติของปฏิญญาไคโรต้องได้รับการปฏิบัติ" เอกสารของสหประชาชาติระบุว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประเด็นของไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน 100% ไต้หวันไม่เคยมีและจะไม่มีวันเป็นประเทศ นี่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ขั้นพื้นฐานและเป็นมติของประชาคมระหว่างประเทศ  

นายหวัง อี้กล่าวว่าในฐานะเป็นประเด็นปัญหาที่สืบทอดจากสงครามกลางเมืองของจีน ในที่สุดไต้หวันก็จะกลับคืนสู่อ้อมอกของมาตุภูมิ และสองฟากฝั่งของช่องแคบไต้หวันก็จะบรรลุการรวมประเทศอย่างแน่นอน นี่คือเจตจำนงอันแน่วแน่ของชาวจีน 1.4 พันล้านคน และแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันสอดคล้องผลประโยชน์ของทุกฝ่าย แต่กลุ่มอิทธิพล "เอกราชของไต้หวัน" บนเกาะนั้นเองที่บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน “เอกราชของไต้หวัน” และสันติภาพทั่วช่องแคบไต้หวันนั้นเข้ากันไม่ได้เสมือนไฟกับน้ำ หากยึดมั่นในหลักการจีนเดียว เราควรสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสันติของจีน  หากรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน เราต้องต่อต้าน "เอกราชของไต้หวัน" อย่างเด็ดเดี่ยว