Home > ความสัมพันธ์จีน-ไทย
ร่วมทุกข์ร่วมสุขรับความท้าทาย จับมือเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์
2018-12-17 17:15

คุณปิติ สิทธิอำนวย. ประธานกรรมการธนาคาร

คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพจำกัด

สุภาพสัตรี สุภาพบุรุษและผู้มีเกียรติทุกท่าน

ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ ในเสวนานุกรมความรู้ ครั้งที่ 9 ณ สำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ ในนามสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยและโดยส่วนตัวข้าพเจ้าเองขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการจัดกิจกรรมเสวนานุกรมความรู้ครั้งนี้

ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ประกอบการภาคการเงินชั้นนำในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เสวนานุกรมความรู้ถือเป็นกิจกรรมแบรนด์เนมประจำปีที่มีความสำคัญยิ่ง เป็นศูนย์รวมของบุคลากรชั้นนำของทุกภาคส่วน มีบทบาทสำคัญอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์โลกที่มีความผันผวนในปัจจุบัน ข้าพเจ้าพร้อมที่จะร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อหลักของเสวนาครั้งนี้ เพื่อเกิดการตระหนักรู้ ร่วมกันรับมือความท้าทายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์สงครามการค้าในระดับทั่วโลก และระดมความคิดเห็นในเชิงลึก เพื่อขับเคลื่อนแนวทาง “ Belt & Road Initiative”

ท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษและเพื่อนๆ ทุกท่าน

ปีนี้ เป็นการครบรอบ 5 ปี ที่ท่านประธานาธิบดีสี้จิ้นผิงได้เสนอความริเริ่ม Belt & Road Initiative ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ความริเริ่มนี้ได้เปลี่ยนจากภาคทฤษฎีมาเป็นภาคปฏิบัติ ได้หยั่งรากรึกอย่างต่อเนื่อง และสร้างสรรค์ผลสำเร็จอย่างอุดมสมบูรณ์

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Belt & Road Initiative นั้นได้กลายเป็นเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ประเทศจีนได้ลงทุนในประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทาง Belt & Road Initiative แล้วมีมูลค่าสะสม 8.6 หมื่นล้าน USD พร้อมทั้งได้ร่วมกับประเทศต่างๆ ตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า 82 แห่ง ดึงดูดโครงการลงทุน 6000 โครงการ สร้างมูลค่าการค้ากับประเทศต่างๆ เหล่านี้รวม 6 ล้านล้านเหรียญ USD ได้ทำข้อตกลเขตการค้าเสรีหรือ Upgrade ข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับ 13 ประเทศตามรายทางเส้นทางสายไหมยุคใหม่ จีนกลายเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ 25 ประเทศตามรายเส้นทางสายไหมยุคใหม่ และเนื่องด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับ Belt & Road Initiative ทำให้เกิดการเชื่อมทั้งเส้นทางคมนาคมขนส่ง การค้า แหล่งทุน และนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ จึงทำให้เราได้เห็นปรากฎการณ์ใหม่ๆ เช่น ยอดส่งออกทุเรียนจากไทยสู่จีนเพิ่มขึ้น 7 เท่าตัวภายในปีเดียว หรือความมหัศจรรย์ การที่อาลีบาบาขายทุเรียนจากไทย 8 หมื่นลูกภายในเวลา 1 นาที ผ่านระบบอีคอมเมิส

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Belt & Road Initiative ได้พัฒนาจนกลายเป็นเส้นทางแห่งมิตรภาพ ที่เชื่อมโยงกับประชาชนในแต่ละประเทศ ประเทศจีนได้ตั้งองค์กรเพื่อการศึกษาและโครงการในต่างประเทศรวม 81 โครงการ ในครึ่งปีแรกนี้ “ทุนการศึกษา Belt & Road Initiative” ได้แจกทุนไปแล้ว 270 ล้านหยวน RMB ได้สร้างศูนย์วัฒนธรรมจีนรวม 35 แห่งในประเทศต่างๆ รวมถึงจัดตั้งสมาพันธ์พิพิธภัณฑ์สากลแห่งเส้นทางสายไหม สมาพันธ์เทศกาลศิลปะนานาชาติ สมาพันธ์ห้องสมุดสากล เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือภาคประชาชนตามแนวเส้นทางสายไหมทางทะเลให้ครอบคลุมและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมีสมาชิกครอบคลุม 61 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ Belt & Road Initiative ได้กระชับความเชื่อมั่นและเชื่อใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนในประเทศต่างๆ ยกระดับความสุขและทำให้ประชาชนรู้สึกได้ประโยชน์จะความร่วมมือนี้

ด้วยความเป็นจริงและตัวเลขจริงต่างๆ ที่ยกมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า Belt & Road Initiative ได้ตอบสนองความต้องการร่วมกันของประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทางสายไหมยุคใหม่ ที่ต้องการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ สามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่จับต้องได้อย่างแท้จริง และกลายเป็นแพลตฟอร์มระหว่างสังคมโลกที่มีขนาดใหญ่โตที่สุด และผลิตภัณฑ์ร่วมของประเทศต่างๆ ได้รับการตอบรับอย่างดี

ในขณะที่ Belt & Road Initiative ได้รับการตอบรับอย่างดีและขับเคลื่อนอย่างราบรื่น ก็เกิดเสียงแทรกที่ไม่ค่อยพึงประสงค์ อันเป็นสิ่งที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ มีคนประโคมข่าวหรือความคิดเห็นเรื่อง “กับดักหนี้สาธารณะจากจีน” ซึ่งเป็นความคิดที่ไร้สาระ ผู้คนเหล่านี้กล่าวอ้างว่า Belt & Road Initiative จะทำให้สร้างภาระหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาตามเส้นทาง Belt & Road Initiative และทำให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในการควบคุมของอิทธิพลจีน ซึ่งการพูดในลักษณะนี้ ดูผิวเผินเหมือนกำลังห่วงใยผลประโยชน์ของประเทศกลุ่มกำลังพัฒนา แต่กลับเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้ซึ่งเหตุผลสนับสนุน เพราะความร่วมมือภายใต้ Belt & Road Initiative เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีนั้น หรือจะสร้างภาระหนี้สาธารณะมากขึ้นหรือน้อยลง คู่ค้าภาคีความร่วมมือของจีนสามารถพูดได้อย่างเต็มปากที่สุด อย่างเช่นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังประเทศฟิลิปิน นายคาร์ลอส โตมินเกส กล่าวว่า เงินกู้ที่ได้รับจากประเทศจีน “เป็นซอฟต์โลนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด พร้อมทั้งสามารถชำระคืนในระยะเวลาที่ยาวนานที่สุด” ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน มีสัดส่วนเพียง 0.65% ของหนี้สาธารณทั้งหมดของประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากนั้น รัฐบาลประเทศศรีลังกาก็ออกมาชี้แจงว่า ประเทศศรีลังกามิได้ตกหลุมพรางกับดักหนี้สาธารณของประเทศจีนแต่อย่างใด และไม่ได้ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ควบคุมท่าเรือสำคัญของศรีลังกรให้กับประเทศจีน ประธานาธิบดีประเทศเคนยา คุณโจโม เคนยัดตา ถามนักข่าว CNN ว่า เคนย่าไม่เพียงแต่กู้เงินจากประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังกู้ยืมเงินจากประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย ทำไมท่านจึงสนใจแต่เฉพาะเงินกู้จากฝ่ายเดียวเท่านั้น?

ประเทศจีนได้ลงนามกับประเทศไทย ประเทศอังกฤษ และประเทศอื่นๆ รวมแล้ว 27 ประเทศ เพื่อร่วมจัดทำ “หลักการไกด์ไลน์ธุรกิจแหล่งทุน” โดยให้คำมั่นสัญญาว่า เงินกู้ภายใต้ Belt & Road Initiative จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนของหนี้สิน และความยั่งยืนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม โดยตลอดเวลา 5 ปีในการขับเคลื่อนนโยบายความริเริ่ม Belt & Road Initiative ที่ผ่านมา ประเทศจีนมิได้หยิบยื่น “กับดับหนี้สาธารณะ” ใดๆ ให้กับประเทศพันธมิตรคู่ค้า แต่กลับทำให้ประเทศต่างๆ ได้รับภาษีกว่า 2200 ล้าน USD สร้างงานมากกว่า 2.4 แสนตำแหน่ง รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ๆ มากมายในการร่วมกันพัฒนา ประเทศจีนจะยังคงแสดงความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้น ในการให้บริการเงินกู้แหล่งทุนให้กับประเทศที่ต้องการเงินกู้จากประเทศจีน พร้อมๆ กับการขับเคลื่อนการพัฒนาความร่วมมือภายใต้แนวทาง Belt & Road Initiative อย่างมีเสถียรภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษและเพื่อนๆ ทุกท่าน

ความหมายที่แท้จริงในการสร้างสรรค์นโยบาย Belt & Road Initiative อยู่ที่การสะท้อนถึงวิสัยทัศน์การเปิดเสรี การยอมรับและอลุ่มอล่วยกัน และเน้นความร่วมมือ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับลัทธิปกป้องทางการค้า หรือเอกภาคีนิยม ที่กำลังย้อนแย้งกระแสสังคมโลกในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด ประเทศสหรัฐอเมริกาพยายามที่จะเสี้ยมให้เกิดสงครามทางการค้าทั่วโลก ผลกระทบไม่เพียงแต่เกิดขึ้นต่อประเทศจีน ยังรวมถึงกระทบต่อประเทศไทย เนื่องจากสิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากร GSP ในสินค้า 11 ประเภทที่ส่งออกไปสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาถูกยกเลิก และยังรวมถึงกลุ่มสหภาพยุโรปที่ต้องเรียกเก็บภาษีเหล็กกล้าในพิกัดที่สูงลิ่ว และทำให้องค์กรการค้าโลกทำงานยากลำบากยิ่งมายิ่งไม่ราบรื่น และแน่นอน ยังกระทบต่อประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ทั้งปัญหายอดการส่งออกลดลง เกิดความผันผวนทั้งตลาดทุนและตลาดตราสาร ดังที่ว่า สงครามการค้าไม่ทำให้ใครชนะ แต่หากทำไปอย่างสุดซอย จะสร้างความลำบากให้คนอื่นและเป็นการทำร้ายตัวเองด้วย

ก็เป็นเพราะว่าเพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ร่วมของทั้งประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลประโยชน์ของสังคมโลก ท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงถึงได้เชิญชวนท่านประธานาธิบดีทรัมป์มาพบปะหารือกันในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาพูดคุยกันในประเด็นเศรษฐกิจและการค้า ด้วยท่าทีที่เป็นบวกและสร้างสรรค์ จนได้บรรลุความเข้าใจตรงกันในทางหลักการ นั่นคือ จะยับยั้งการลุกลามขยายตัวของความตรึงเครียดด้านเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองประเทศ สองคือการกลับสู่แนวทางเจรจาพูดคุยเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหา สามคือตั้งเป้าหมายเพื่อความร่วมมือที่นำไปสู่ Win-Win และสี่คือ การนำมาซึ่งข่าวดีที่ส่งผลให้การค้าทั่วโลกและภาวะเศรษฐกิจโลกพัฒนาไปในทางบวก

ประเทศจีนคาดหวังว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาจะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันกับเรา เพื่อแสดงความพยายามที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาด้านการค้า ในขณะเดียวกัน ประเทศจีนยังคงจุดยืนเดิมไม่เคยเปลี่ยน หรือพูดโดยสรุปอย่างเข้มข้นนั่นคือ ประเทศจีนไม่อยากที่จะทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวที่จะทำสงครามการค้า ไม่ว่าสถานการณ์จะก้าวไปในทิศทางใด ประเทศจีนจะยังคงยึดมั่นในแนวทางพื้นฐาน ปกป้องสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของตน และมุ่งรักษาคงไว้ซึ่งระบบความร่วมการค้าเชิงพหุภาคี

เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนๆ ชาวไทยหลายท่านถามข้าพเจ้าว่า ภายใต้แรงกดดันสงครามการค้า ประเทศจีนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ในแง่อนาคตในการพัฒนาประเทศ ประเทศจีนมองเรื่องนี้อย่างไร และประเทศจีนจะดำเนินการอย่างไร?

ประเทศจีนมองเรื่องนี้อย่างไร? การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีนถึงแม้ว่าได้เผชิญกับปัจจัยภายนอกที่มีความสลับซับซ้อน แต่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับเชิงโครงสร้าง เสถียรภาพที่ได้รักษามาอย่างยาวนาน ยังคงรักษาแนวโน้มเช่นนี้อย่างเข้าแข็งและไม่มีอะไรมาขัดขวางได้ ซึ่งความมั่นใจเช่นนี้ เกิดจากการวิเคราะห์พิจารณาอย่างยึดหลักความจริงต่อสถานภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีความมั่นคงและก้าวหน้าอย่างมีเสถียรภาพ GDP ในไตรมาส 3 ปีนี้ของจีนยังคงมีอัตราการเจริญเติบโตสูงถึง 6.7% มูลค่าการนำเข้าใน 11 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มมากขึ้นและเกินกว่ายอดนำเข้าทั้งปีของปีที่ผ่านมา ภาคการจ้างงาน ดัชนีอุตสาหกรรมและดัชนีชี้วัดอื่นๆ ล้วนอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ความเชื่อมั่นเช่นนี้ ยังเกิดจากการที่สามารถควบคุมสถานการณ์ภายในอันเป็นการสร้างจุดยืนแห่งประวัติศาสตร์ของจีนยุคใหม่ ในตลอดเวลา 70 ปีแห่งการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศจีนได้เปลี่ยนฐานะจากประเทศที่ฟื้นจากวิกฤตมาเป็นประเทศที่กำลังมุ่งสู่ความมั่งคั่ง และก้าวสู่การเป็นประเทศทรงอำนาจที่กำลังจะติดปีกก้าวประโดด ปัจจุบันประเทศจีนำลังอยู่ในยุคการพัฒนาสู่ความเฟื่องฟูพูนสุข และยังคงมีศักยภาพอีกมหาศาลที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมา และความเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้ ยังเกิดจากประสบการณ์และแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับ เรายังคงยึดมั่นในการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับสภาวะสังคมจีนอย่างแท้จริง หรือสรุปได้ว่า รองเท้าคู่ไหนใส่แล้วสบายหรือไม่ คนที่สวมรองเท้าเท่านั้นจะรู้ดีที่สุด ประสบการณ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จมากมายเหล่านี้ กำลังทำให้ประเทศจีนก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างมั่นคงและมั่นใจ

ส่วนประเทศจีนจะดำเนินมาตรการต่อไปอย่างไร? กล่าวง่ายๆ คือ เราจะยังคงปฏิรูปและเปิดประเทศให้กว้างไกลขึ้นกว่าเดิม ปีนี้เป็นปีที่ 40 แห่งการดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดเสรีถือเป็นกระบวนท่าไม้ตายที่กำหนดชะตากรรมของประเทศจีนในยุคใหม่ ในอนาคต ประเทศจีนไม่เพียงแต่จะไม่หยุดกระบวนการปฏิรูป จะไม่มีการปิดประตูแห่งความเสรีที่เคยเปิดออก และยังคงไม่หวั่นไหวในเป้าหมายการสร้างชาติที่ได้กำหนดไว้แต่ต้น เราจะเร่งฝีเท้านในการปฏิรูปและเปิดเสรีต่อไป และเน้นนโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจห่วงโซ่อุปสงค์อุปทาน เสริมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของภาคบริโภคภายใน และบ่มเพาะพลังคับเคลื่อนใหม่จากภาคอุตสหกรรมระดับไฮเอนและภาคธุรกิจบริการยุคใหม่ จากเดิมที่ประเทศจีนเคยผลิตถุงเท้า 1000 ล้านคู่เพื่อนำไปแลกกับเครื่องบิน 1 ลำ ยุคแห่งการเน้นปริมาณการผลิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ประเทศจีนเรามีทั้งรถไฟความเร็วสูงที่มีคุณภาพสูงสุด โทรศัพท์มือถือและระบบชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขณะที่จีนยังคงพยายามบุกเบิกภาควิทยาการ AI สร้างเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ของตน และมุ่นเน้นพัฒนาเศรษฐกิจเชิงคุณภาพมากขึ้น เรายังคงยึดมั่นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่นำมาซึ่งผลประโยชน์ Win-Win มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจแบบเปิดเสรี และขับเคลื่อนความริเริ่ม Belt & Road Initiative ในปีหน้า (2019) เราเตรียมที่จะจัดประชุมสุดยอดความร่วมมือกลุ่มประเทศ Belt & Road Initiative ครั้งที่สอง เตรียมจัดมหกรรมสินค้านำเข้าจากนานาชาติ (CIIE) ครั้งที่สอง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มเปิดรับสมัครผู้ประกอบการที่จะร่วมจัดบูธแสดงสินค้า เฉกเช่นคำมั่นสัญญาของท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ได้ประกาศก้องว่า “ประตูที่เปิดประเทศของประเทศจีนไม่มีวันปิดลง มีแต่จะยิ่งเปิดยิ่งกว้าง”

ท่านสุภาพสตรี สุภาพบุรุษและเพื่อนๆ ทุกท่าน

ท่านประธานาธิบดีสี้จิ้นผิงได้ชี้อย่างชัดเจนว่า ความริเริ่ม Belt & Road Initiative มุ่งค้นหาภาคีความร่วมมือที่สำคัญที่สุด นั่นคือประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ ประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ก็จะเป็นประเทศเป้าหมายผู้ได้รับประโยชน์เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งประเทศจีนและประเทศไทยมีความสัมพันธ์ในการเป็นภาคีเชิงยุทธศาสตร์อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน ยังมีความสัมพันธ์พิเศษฉันญาติมิตรอันใกล้ชิดและแน่นแฟ้น เมื่อประเทศจีนได้เสนอแนวทาง Belt & Road Initiative ขึ้นมา ก็ได้รับการสนใจและตอบรับอย่างสูงจากสังคมไทยโดยทันที พร้อมทั้งสร้างสรรค์ผลสำเร็จในการร่วมมือออกมาหลายด้าน หากมองสู้อนาคต ความสัมพันธ์ไทยจีน ยังคงเปี่ยมด้วยศักยภาพอย่างมหาศาลที่จะสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก ในระยะต่อไป เราสามารถต่อยอดจากรากฐานความสัมพันธ์ในยุคปัจจุบันนี้ ในการเสริมสร้างขับเคลื่อนความสัมพันธ์ภายใต้ความริเริ่ม Belt & Road Initiative ต่อไปในด้านตั้งๆ ดังต่อไปนี้

1. ควรสนับสนุนแนวทางการเปิดเสรีและเสริมสร้างความร่วมมือให้เป็นทิศทางเดียวกัน อันเป็นกระแสหลักของยุคสมัย ร่วมกันแสดงท่าทีต่อต้านลัทธิปกป้องทางการค้า หรือแนวทางเอกภาคีนิยม เนื่องจากโลกยุคนี้ การเปิดเสรีและช่วยเหลือจุนเจือเป็นกระแสแนวโน้มหลัก มีเพียงตอกย้ำการร่วมมืออย่างเปิดกว้างเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสในการพัฒนาที่มากยิ่งขึ้น ประเทศจีนและประเทศไทยล้วนเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์และเป็นผู้ยืนหยัดสนับสนุนการค้าเสรีและเศรษฐกิจโลกที่มีลักษณะเปิดกว้าง เรายืนยันที่จะเปิดกว้างและยอมรับความสมานฉันกับทุกฝ่าย แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการต่อต้านลัทธิปกป้องทางการค้า และมุ่งประสานท่าทีนโยบายในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปองค์กรการค้าโลก เพื่อร่วมกันปกป้องระบบการค้าพหุภาคีที่อยู่ภายใต้กติกาสังคมโลก และขยายประโยชน์ร่วมจากการร่วมมือและเปิดเสรี

2. มุ่งเน้นการเชื่อมประสานด้านโยบายในเชิงลึก โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารประเทศ เราพยายามที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือและยุทธศาสตร์ชาติที่เกิดขึ้นจากการตกลงกันของรัฐบาลของสองประเทศ ขับเคลื่อนความเชื่อมโยงและประสานแนวนโยบาย Belt & Road Initiative เข้ากับยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 และโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษระเบียงภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้เกิดการเชื่อมผลประโยชน์ คว้าจังหวะที่เหมาะสม เพื่อประสานงานแนวนโยบาย กฎหมายและมาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องสอดประสานกัน เน้นการประสานความเข้าใจและสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเสริมสร้างความร่วมมืออย่างถ้วนหน้า

3. เน้นการเสริมสร้างความร่วมมือที่ได้รับการยกระดับต่อยอด มีคุณภาพที่สูงขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยแนวทางความร่วมมือระหว่างสองประเทศในอนาคต ควรเน้นแนวทางต่อยอดและสร้างสรรค์เป็นประเด็นหลัก เมื่อวาน พึ่งมีการประชุมคณะกรรมการร่วมกระทรวงวิทยาศาสตร์ไทยจีนครั้งที่ 22 โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงและความเข้าใจตรงกันในหลายเรื่องที่จะมุ่งยกระดับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างไทยจีน ซึ่งภาคความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนั้น กำลังแสดงบทบาทอย่างโดดเด่นในการขยายความร่วมมือในภาคส่วนต่างๆ ระหว่างสองประเทศอย่างเห็นรูปธรรม และอีกด้านหนึ่ง เราควรร่วมกันสนับสนุนขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยงด้านสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยใช้โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนจะเป็นโครงการนำร่องที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต ควรขับเคลื่อนการก่อสร้างโครงการนี้ให้มีความราบรื่นอย่างต่อเนื่อง และอีกประการหนึ่ง เราควรมุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงความร่วมมือด้านพลังงานใหม่และแหล่งทุน เนื่องด้วยประเทศจีนมีตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่โตมหาศาล สามารถนำเข้าสินค้ากว่า 8000 รายการจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศจีนโดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร เรายินดีต้อนรับและเฝ้าคอยนักธุรกิจไทยเข้ามาสำรวจและพัฒนาธุรกิจในตลาดประเทศจีนอย่างลึกซึ้ง นำเอาสินค้าที่มีเอกลักษณ์ไทยเข้ามาในประเทศจีน ในขณะเดียวกัน ตลาดประเทศไทยก็มีเสน่ห์ดึงดูดสำหรับผู้ประกอบการจีนเช่นกัน ทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันในภาคธุรกิจการค้า เพื่อสารประโยชน์ร่วมกัน

4. ควรมุ่นเน้นความร่วมมือในเวทีระดับภูมิภาค ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียตะวันออกได้ยึดมั่นแนวทางร่วมกันพัฒนา โดยขับเคลื่อนความร่วมมือภาคเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ให้มีความเป็นเอกภาพ และกลายเป็นตลาดเชิงสหภาพอย่าต่อเนื่อง จนปัจจุบันได้กลายเป็นภูมิภาคที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและความมีชีวิตชีวาในการขยายตัว ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคนี้ ซึ่งได้รับไม้ต่อในการเป็นประธานอาเซียนแล้ว เตรียมแบกรับหน้าที่อันสำคัญในเวทีระดับสากล ประเทศจีนตระหนักถึงความสำคัญของประเทศไทย และสนับสนุนการทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศไทย ในการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าเพื่อสร้างเขตการค้าเสรีภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ให้การสนับสนุนความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในภูมิภาค และหวังว่าประเทศไทยจะสามารถขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างประเทศจีนกับเอเซียน รวมถึงความร่วมมือภายในเอเชียตะวันออกมีความก้าวหน้าอย่างเด่นชัดในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในรอบนี้ เพื่อให้เกิดปรากฏการณ์ “รอยประทับผลงานไทย” ในประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาของภูมิภาคนี้

5. การขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและวัฒนธรรมวิถีชีวิตระหว่างจีนไทย เนื่องจากความสัมพันธ์อันสนิทใกล้ชิดของประเทศชาติ เกิดจากความใกล้ชิดของภาคประชาชน จีนไทยมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ ประชาชนของสองประเทศสนิทสนมเหมือนญาติพี่น้อง วัฒนธรรมเชื่อมประสานกันอย่างแน่นแฟ้นจนแทบจะแยกจากกันไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายควรมุ่งขยายความร่วมมือภาคอาชีวศึกษา ภาคบันเทิง ภาพยนตร์ การท่องเที่ยวและธุรกิจบริการต่างๆ และสนับสนุนให้เกิดการไปมาหาสู่กันของประชาชนในทุกระดับ ทั้งการเดินทางเพื่อศึกษาดูงาน หารท่องเที่ยวหรือการแลกเปลี่ยนการเรียน ทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันในภาคประชาชน จากการที่ประชาชนของทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเข้าใจ และใช้ความสนิทสนมฉันญาติมิตร มาขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ Belt & Road Initiative ซึ่งจะเป็นการปูรากฐานด้านการยอมรับจากภาคประชาชนและสังคมอย่างมั่นคง

ในปีหน้า (2019) ประเทศไทยได้รับไม้ต่อเป็นประธานอาเซียน ในขณะที่ประเทศจีนเตรียมที่จะจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือสากลภายใต้ Belt & Road Initiative ครั้งที่ 2 ซึ่งความร่วมมือภายใต้ความริเริ่ม Belt & Road Initiative จะเกิดโอกาสอันสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงเป็นโอกาสแห่งประวัติศาสตร์อันดีเลิศในการเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์จีนไทยด้วย ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า เพียงแต่เรายึดมั่นในกระแสหลักของการพัฒนาแห่งยุคนสมัย ร่วมแรงร่วมใจ จับมือพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนไทยที่จะมีความสมบูรณ์ครบถ้วนทุกมิติ ก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปอย่างแน่นอน

ขอบคุณครับ

Suggest To A Friend:   
Print